ดีหรือไม่ที่สนุกเกอร์ 6 แดงชิงแชมป์โลกจะเป็นรายการเวิลด์แรงค์กิ้ง

 จบลงไปแล้วสำหรับการแข่งขันสนุกเกอร์ 6 แดงชิงแชมป์โลก 2019 รายการสอยคิวอาชีพโลกเพียงหนึ่งเดียว ที่จัดการแข่งขันที่ประเทศไทย พร้อมกับความสำเร็จของ สตีเฟ่น แม็คไกวร์ นักสอยคิวมือ 15 ของโลกจากสกอตแลนด์ ที่คว้าแชมป์รายการนี้เป็นหนที่ 2 ต่อจากปี 2014 หลังจากรอบชิงชนะเลิศ เอาชนะอดีตแชมป์โลก 4 สมัยอย่าง “พ่อมดวิสกี้” จอห์น ฮิกกินส์ มือ 5 ของโลกจากชาติเดียวกัน 8-6 เฟรม ในการแข่งขันที่บีซีซีฮอล ภายในศูนย์การค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร

    แม้ผลงานของนักสอยคิวไทย จะไม่ดีเท่าไหร่นัก เนื่องจากตกรอบแบ่งกลุ่มถึง 5 คน ส่วนอีกคนไปได้ไกลเพียงรอบ 16 คนสุดท้าย ทว่ากลับได้รับความสนใจ จากแฟนสนุกเกอร์ชาวไทย ที่เข้ามาชมถึงขอบโต๊ะ เป็นจำนวนมากทุกวัน 

จากกระแสที่ดี จึงทำให้มีข่าวแว่วๆว่า สมาคมบิลเลียดและสนุกเกอร์อาชีพโลก(WPBSA) ที่มี มร.เจสัน เฟอร์กูสัน เป็นประธานสมาคม เตรียมยกระดับการแข่งขันสนุกเกอร์ 6 แดงชิงแชมป์โลกในปีหน้า จากรายการระดับอินวิเตชั่น ซึ่งมีการชิงเงินรางวัลเพียงอย่างเดียว ขึ้นไปเป็นรายการระดับเวิลด์แรงค์กิ้ง หรือรายการสะสมคะแนน ที่มีผลต่ออันดับโลก

 เมื่อได้ยินข่าวนี้ เชื่อว่าแฟนสนุกเกอร์ชาวไทยจำนวนไม่น้อย ต่างรู้สึกดีใจ ที่การแข่งขันสนุกเกอร์ 6 แดงชิงแชมป์โลก ที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศไทย จะถูกยกระดับให้กลายเป็นรายการระดับเวิลด์แรงค์กิ้ง 

    อีกทั้ง ยังจะทำให้ประเทศไทย มีการแข่งขันสนุกเกอร์รายการระดับเวิลด์แรงค์กิ้งเกิดขึ้นอีกครั้ง หลังจากไม่ได้มีมานาน นับตั้งแต่รายการไทยแลนด์มาสเตอร์ส เมื่อปี 2002 

    นอกจากนี้ พอยกระดับให้กลายเป็นเวิลด์แรงค์กิ้งทัวร์นาเมนต์ ที่มีผลต่อคะแนนสะสมอันดับโลก อาจดึงดูดให้นักสอยคิวชื่อดัง เดินทางมาแข่งขันมากขึ้นอีกด้วย

    อย่างไรก็ตาม ทุกสรรพสิ่งบนโลก ย่อมเป็นดาบสองคมเสมอ เช่นดียวกับเรื่องนี้ เพราะหากมองอีกมุม การยกระดับสนุกเกอร์ 6 แดงชิงแชมป์โลก ให้กลายเป็นรายการระดับเวิลด์แรงค์กิ้ง อาจไม่เป็นผลดีอย่างที่คิด โดยเฉพาะกับนักกีฬาไทย

    กล่าวคือ หากศึก 6 แดงชิงแชมป์โลก กลายเป็นรายการระดับเวิลด์แรงค์กิ้ง นักกีฬาที่อยู่ในทัวร์อาชีพเท่านั้น ถึงจะมีสิทธิ์ลงแข่งขัน โดยจะมีการแข่งขันรอบคัดเลือกที่ประเทศอังกฤษก่อน เพื่อคัดให้เหลือ 32 คน หรือ 64 คน แล้วมาแข่งขันที่ประเทศไทย

    นอกจากนี้ การแข่งขันในรอบแรกของรอบเมนดรอว์ จะเปลี่ยนจากการแข่งขันแบบแบ่งกลุ่ม ไปแข่งขันแบบแพ้คัดออก เหมือนกับรายการเวิลด์แรงค์กิ้งรายการอื่น

    ส่วนนักกีฬาไทย ที่ในปีนี้ ลงแข่งขันในรอบเมนดรอว์ครบ 6 คน แบ่งเป็นนักกีฬาที่อยู่ในทัวร์อาชีพ 4 คน และนักกีฬาที่ได้สิทธิ์ไวลด์การ์ดอีก 2 คน อาจได้สิทธิ์ลงแข่งขันในรอบเมนดรอว์น้อยกว่าเดิม หากนักกีฬาในทัวร์อาชีพคัดเลือกที่อังกฤษไม่ผ่าน ส่วนนักกีฬาไทยที่ได้สิทธิ์ไวลด์การ์ด มีโอกาสที่จะถูกลดโควตาจาก 2 เหลือ 1 ที่นั่ง เพื่อเปิดทางให้นักสอยคิวอาชีพ ลงแข่งขันรายการนี้มากขึ้น

    และจากการที่ในรอบแรกของรอบเมนดรอว์ เปลี่ยนจากรอบแบ่งกลุ่ม มาเป็นการแข่งขันแบบแพ้คัดออก มีโอกาสสูง ที่นักสอยคิวไทย ที่ได้สิทธิ์ไวลด์การด์ จะต้องเจอกับของแข็ง ที่เป็นมือต้นๆของโลก ตั้งแต่รอบแรก ซึ่งจะมีโอกาสตกรอบสูง

    ขณะที่ 4 นักสนุกเกอร์ไทย ที่เล่นในทัวร์อาชีพ หากอันดับโลกไม่ดี ก็มีสิทธิ์ที่จะจับสลากมาเจอมือดีอันดับต้นๆของโลก ตั้งแต่รอบแรกๆ หรือ รอบคัดเลือก ซึ่งจะส่งผลให้ตกรอบเร็ว และลุ้นแชมป์ยากขึ้น

    น่าคิดเหมือนกันว่า หากศึก 6 แดงชิงแชมป์โลก เปลี่ยนไปเป็นรายการระดับเวิลด์แรงค์กิ้ง มันจะมีผลเสีย ดังที่กล่าวมาหรือไม่ แฟนสนุกเกอร์ต้องติดตาม