SPORTCLUBLIVETV. ยินดีต้อนรับทุกท่าน สมาชิกจะได้รับหน้าเข้าชมถ่ายทอดสดกีฬาดังทุกชนิดอาทิ ไก่ชน วัวชน ฟุตบอล บาสเก็ตบาส สนุกเกอร์ มีบริการไว้ให้ท่านได้เลือกรับชมตลอด 24 ชม.

เป็นทางการ : วาราน ประกาศแขวนสตั๊ดในวัย31ปี

เป็นทางการ : วาราน ประกาศแขวนสตั๊ดในวัย31ปี
ราฟาเอล วาราน อดีตปราการหลังทีมชาติฝรั่งเศส ชุดแชมป์โลก ประกาศแขวนสตั๊ดอย่างเป็นทางการแล้ว ด้วยวัยเพียง 31 ปี

โดย วาราน ที่ย้ายจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อช่วงซัมเมอร์ เพื่อมาร่วมทัพ โคโม่ ทีมน้องใหม่ ในกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี แต่เจ้าตัวต้องโชคร้ายได้รับบาดเจ็บหนักอีกครั้ง หลังได้ลงสนามไปเพียง 23 นาที ในเกมโคปปา อิตาเลีย กับ ซามพ์โดเรีย เมื่อเดือนที่แล้ว

ล่าสุด วาราน ได้ออกแถลงการณ์ผ่าน อินสตราแกรมส่วนตัวว่าได้ตัดสินใจอำลาวงการลูกหนังแล้ว

"เฮ้ สิ่งดีๆทั้งหมดต้องจบลงแล้วหละ"

"ในอาชีพค้าแข้งของผมนั้นต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายมากมาย ก้าวข้ามโอกาสครั้งแล้วครั้งเล่า มันเป็นไปด้วยช่วงเวลาที่เหลือเชื่อ และแสนพิเศษ เต็มไปด้วยความทรงจำที่จะคงอยู่ไปตลอดชีวิต เมื่อไตร่ตรองถึงช่วงเวลาเหล่านี้ก็ทำให้ผมภูมิใจ"

"ผมยึดมั่นในมาตรฐานสูงสุดของตัวเอง ผมต้องการลงสนามอย่างแข็งแกร่ง ไม่ใช่แค่เพียงลงได้เท่านั้น และต้องใช้ความกล้าหาญอย่างมากในการฟังหัวใจและสัญชาติญาณของตัวเอง ผมล้มแล้วลุกมานับพันครั้ง และครั้งนี้เป็นช่วงเวลาที่จะหยุดพักและแขวนสตั๊ด พร้อมกับเกมสุดท้ายที่คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ที่สนาม เวมบลีย์"

"ผมไม่เสียใจ และจะไม่เปลี่ยนแปลงสิ่งใด ผมคว้าแชมป์มากมายกว่าที่ตัวเองจะฝันถึงด้วยซ้ำ แต่เหนือไปกว่าคำยกย่อง และถ้วยรางวัล ผมภูมิใจว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมยึดมั่นในหลักของความจริงใจ และพยายามจะจากไปด้วยการทำให้ทุกคนได้ภาคภูมิใจ"

"ตอนนี้ผมมีชีวิตใหม่ที่นอกสนาม และผมจะอยู่ต่อที่ โคโม่ เพียงแต่ไม่ได้สวมสตั๊ดและสนับแข้งอีกแล้ว นี่คือสิ่งที่ผมตั้งตารอและจะบอกให้ทุกคนทราบในเร็วๆนี้"

"ตอนนี้ ถึงแฟรนบอลของทุกสโมสรที่ผมเคยเล่นให้ ถึงเพื่อนร่วมทีม โค้ช และสต๊าฟ จากใจ ผมขอบคุณทุกคนที่ทำให้การเดินทางครั้งนี้พิเศษกว่าที่ฝันของผมจะมองเห็นได้"

"ขอบคุณฟุตบอลด้วยความรัก ราฟา '

สำหรับ วาราน นั้นนับเป็นหนึ่งในปราการหลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของยุคนี้ หลังคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก กับทีมชาติฝรั่งเศส เมื่อปี 2018 และคว้าแชมป์ยุโรป 4 สมัยกับ เรอัล มาดริด นอกจากนี้แชมป์สุดท้ายของเขาคือการช่วย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-1 คว้าแชมป์เอฟเอคัพ มาครอง